คนวัยทำงานในปัจจุบันส่วนมาก มักมีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ เป็นปกติ ดยเฉพาะผู้ที่นั่งทำงานในสำนักงาน หรือชาวออฟฟิศนั่นเอง โดยปกติคนส่วนใหญ่อาจจะปล่อยให้หายไปเองเพราะคิดว่าอาจเกิดจากการนั่งนานๆ แต่ความจริงแล้วควรมาพบหมอเพื่อแยกว่าเป็นอาการที่เกิดนั้นคือ Office Syndrome หรือหมอนรองกระดูกคอเสื่อมกันแน่
อาการปวดคอ เป็นอาการที่พบบ่อยมากที่สุด ซึ่งเกิดจากการใช้คอผิดท่าผิดทางเป็นเวลานาน ส่งผลทำให้กล้ามเนื้อบริเวณต้นคอเกิดการเกร็งตัวเป็นเวลานานจนเกิดความล้าและเจ็บปวด นอกจากนี้ยังมีโรคอื่นๆ ที่ทำให้ปวดคอ เรื้อรังได้ ได้แก่ โรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อม อาจมีกระดูกงอกแล้วเบียดทับเส้นประสาท โรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนไปกดทับเส้นประสาทที่จะไปเลี้ยงแขน เป็นต้น ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่เริ่มมีอาการปวดร้าวลงไปถึงแขน ร่วมกับอาการชา หรือการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ ลักษณะนี้เป็นอาการแสดงที่เกิดจากเส้นประสาทสันหลังส่วนคอถูกรบกวน คนไข้อาจมีอาการปวดหรือชาลงมาตามบริเวณแขน ข้อศอก หรือนิ้วมือได้
ในทางศาสตร์แพทย์จีนได้จัดโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทให้อยู่ใน กลุ่มโรคชาและปวดเมื่อย (痹症) เกิดจากเส้นลมปราณติดขัด ทำให้เลือดไหลเวียนช้าลงและเกิดภาวะเลือดคั่ง ทำให้เกิดอาการปวดได้ ตามหลักการทางแพทย์จีน คำว่า “ปวด” แสดงว่าไม่โล่ง โล่งแล้วก็จะไม่ปวด ส่วนพิษของลมและเย็นชื้น ที่สะสมในเส้นลมปราณบริเวณคอและไหล่จะจับตัวเป็นก้อน ทำให้เส้นลมปราณและหลอดเลือดติดขัดมากยิ่งขึ้น เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ และกระดูกคอจะได้รับการหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอจึงเสื่อมลงได้เร็วขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติหลายๆอย่างตามมาได้
โดยการรักษาจะเน้นการช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณที่เกร็งนั้น คลายตัวได้มากยิ่งขึ้น
โดยการรักษาในทางการแพทย์แผนจีนจะใช้การฝังเข็มเป็นหลัก เพื่อคลายกล้ามเนื้อ คลายจุด trigger point เพื่อลดอาการปวด ทำให้เลือดลมปราณไหลเวียนได้สะดวก ร่วมกับการคลายกล้ามเนื้อและกระตุ้นการไหลเวียนเพิ่มเติม โดยการใช้การครอบแก้วนั่นเอง